น.ส.ภัสริน รามวงศ์ โฆษกคณะ กมธ. กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ พร้อมด้วย นายตรัยวรรธน์ อิ่มใจ กมธ.และที่ปรึกษาคณะ กมธ. รับยื่นหนังสือจากนางณฐมน เหรียญจำรัส ร่วมกับสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อขอให้ดำเนินการศึกษาแนวทางและวิธีการในลดค่าใช้จ่ายด้านสุขอนามัยเจริญพันธุ์

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา น.ส.ภัสริน รามวงศ์ โฆษกคณะ กมธ. กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ พร้อมด้วย นายตรัยวรรธน์ อิ่มใจ กมธ.และที่ปรึกษาคณะ กมธ. รับยื่นหนังสือจากนางณฐมน เหรียญจำรัส ร่วมกับสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อขอให้ดำเนินการศึกษาแนวทางและวิธีการในลดค่าใช้จ่ายด้านสุขอนามัยเจริญพันธุ์ อาทิ ผ้าอนามัยแบบธรรมดา ผ้าอนามัยแบบสอด ยาแก้ปวดท้องประจำเดือน เป็นต้น ซึ่งถือเป็นรายจ่ายประจำที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน โดยเชื่อว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ จะเป็นการช่วยผลักดันเรื่องความเท่าเทียมทางเพศของประเทศไทยให้ทัดเทียมกันมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์ให้แพร่หลายในประเทศไทย นอกจากนี้ในฐานะมารดาที่ต้องเลี้ยงดูบุตรสาวที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น จะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ซึ่งภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และค่าเงินเฟ้อที่สูงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หากมีความเป็นไปได้ในการลดค่าใช้จ่ายจำเป็น จึงสมควรว่าควรจะเป็นนโยบายที่ได้เริ่มดำเนินการได้ ณ ปัจจุบัน จึงขอเป็นตัวแทนคุณแม่และผู้มีประจำเดือนทุกคนในการเรียกร้องให้มีการศึกษา การยกเลิกภาษีผ้าอนามัย และสินค้าที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการศึกษาการดำเนินการขั้นถัดไป เพื่อให้ผู้มีประจำเดือนทุกคนสามารถเข้าถึงผ้าอนามัยได้อย่างเท่าเทียมกัน ในการนี้ ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นตัวแทนเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางเพศให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเริ่มต้นจากชีวิตประจำวันอย่างผ้าอนามัย ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากเกิดการพัฒนาในนโยบายของประเทศไทยในด้านสุขอนามัยเจริญพันธุ์ จะช่วยให้ผู้มีประจำเดือนทุกคนได้เข้าถึงสินค้าในราคาที่ถูกลง ลดภาระค่าใช้จ่าย และนำไปสู่การแจกผ้าอนามัยฟรีในที่สุด ทั้งนี้ ควรจะมีการพิจารณาถึงกลุ่มเปราะบางเป็นอันดับแรก