วันอังคารที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เวลา ๑๖.๑๐ นาฬิกา ณ จุดแถลงข่าว ชั้น ๑ อาคารรัฐสภา

นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับยื่นหนังสือจากนายปกรณ์ มุ่งเจริญพร

 ประธานคณะ กมธ.  การสาธารณสุข เพื่อเสนอข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะ กมธ. สืบเนื่องจาก

คณะ กมธ. การสาธารณสุข ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับความเดือดร้อนของประชาชนที่มีความจำเป็น

ต้องครอบครองกัญชา และกัญชง ไว้เพื่อการรักษา ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่เจ้าหน้าที่ของ

รัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในการตรวจค้น จับกุม คุมขังประชาชนที่ครอบครองกัญชา และกัญชง

 เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยประชาชนผู้ร้องเรียนระบุว่า ในปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องการ

เข้าถึงการรักษาพยาบาลโดยใช้ กัญชา และกัญชง มากกว่าการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบันเนื่องจากการ

รักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน บางโรคที่เรื้อรัง เช่น มะเร็ง มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่สูงเป็นอย่างมาก

ดังนั้น จึงเป็นสิทธิของประชาชนซึ่งเป็นผู้รับบริการที่จะเลือกหรือเข้าถึงบริการ การรักษาพยาบาลตามที่

ตนเองต้องการได้อย่างมีคุณภาพและมีความปลอดภัย ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุขได้เคยออกประกาศ

กระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมเป็นระยะเวลา ๙๐ วัน ให้แก่ผู้ครอบครองกัญชาเพื่อประโยชน์

ทางการแพทย์ โดยเปิดให้มีการลงทะเบียนแต่เนื่องจากในครั้งนั้นประชาชนและผู้ป่วยจำนวนมากไม่มีความรู้

ความเข้าใจอย่างชัดเจนจึงทำให้ประชาชนและผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้ลงทะเบียน ดังนั้น จึงขอให้มีการเปิด

นิรโทษกรรมอีกครั้งเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนซึ่งเป็นผู้รับบริการต่อไป

          โดย รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า กระทรวงสาธารณสุข ขอขอบคุณประธาน

คณะ กมธ.  การสาธารณสุขที่ได้มีการหารือพร้อมทั้งจัดทำบทสรุปเพื่อนำส่งมอบให้กับตนเพื่อให้ดำเนินการ

เรื่องการลงทะเบียนนิรโทษกรรมผู้ป่วยและประชาชนผู้ครอบครองกัญชา กัญชง เพื่อการรักษา ตลอดจน

การสนับสนุนให้มีการศึกษาสรรพคุณของการใช้พืชกัญชามาทำการรักษาผู้ป่วยซึ่งเป็นเรื่องที่สอดคล้อง

กับกระทรวงสาธารณสุขและหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนสืบไป สำหรับเรื่องการสร้างรายได้

จากการปลูกพืชกัญชา กัญชง ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน เป็นอย่างมาก

เพราะว่ากระทรวงสาธารณสุขผลักดันฝ่ายเดียวในฐานะที่เป็นรัฐบาลแล้วไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจาก

สภาผู้แทนราษฎรแล้วนั้น จะทำให้เรื่องดังกล่าวเกิดความล่าช้า  ซึ่งในฐานะรัฐบาลจะเร่งดำเนินการ

ตามข้อเสนอของคณะ กมธ. ต่อไป