|
|
|
|
|
|
|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
นายอันอาร์ สาและ ประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา และคณะ แถลงข่าวผลการประชุมคณะ กมธ. ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 17 ๏ฟฝ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2563 |
|
|
วันพุธที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ เวลา ๑๑.๕๕ นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น ๑ อาคารรัฐสภา นายอันวาร์ สาและ ประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สิน ทางปัญญา และคณะ แถลงข่าวผลการประชุมคณะ กมธ. โดยในวันนี้ที่ประชุมได้ พิจารณาในประเด็นเรื่องการระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล ณ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีบ้านดอน จ.นครปฐม สืบเนื่องจากสมาคมคลังข้าวไทยได้ร้องเรียนมายังคณะ กมธ. เกี่ยวกับกรณีองค์การคลังสินค้าได้ประกาศขายข้าวที่เก็บรักษาไว้โดยแบ่งออกเป็น สามกลุ่มคือ กลุ่มที่ ๑ ข้าวทั่วไป กลุ่มที่ ๒ สำหรับอาหารสัตว์ และกลุ่มที่ ๓ สำหรับ อุตสาหกรรม โดยการจำหน่ายข้าวกลุ่มที่ ๒ และกลุ่มที่ ๓ นั้น จะมีราคาต่ำกว่ากลุ่มที่ ๑ ซึ่งข้าวทั้งสามกลุ่มสามารถนำมาปรับปรุงคัดแยกเพื่อใช้ในการบริโภคได้ คณะ กมธ. จึงได้เชิญนายกสมาคมคลังข้าวไทย ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้ามาเข้าร่วมประชุม โดยได้ชี้แจงว่า ดำเนินการระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลตามมติของคณะกรรมการ นโยบายข้าวและการบริหารจัดการข้าว ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ ซึ่งได้มีการจัดกลุ่มการระบายข้าว ตามคุณภาพข้าวและสภาพของคลังสินค้าตามความเหมาะสม ทั้งในส่วนของการระบายข้าว เพื่อการบริโภคทั่วไปและการระบายเข้าสู่อุตสาหกรรม สำหรับการดำเนินการตามมติ คณะกรรมการ นบข. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ วันที่ ๖ มิ.ย. ๖๓ ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ ข้าวคงเหลือทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ซึ่งในการตรวจสอบได้มีผู้แทนของคลังสินค้า และบริษัทผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวหรือผู้แทนร่วมรับทราบและลงนามในเอกสารกำกับ ตัวอย่างข้าวและรายงานผลการปฏิบัติงานโดยตลอด และในการดำเนินการดังกล่าว ไม่มีข้อโต้แย้งในขณะปฏิบัติงานแต่อย่างใด สำหรับการจัดกลุ่มข้าวตามระดับคุณภาพ และปีการผลิต โดยการระบายยกคลังในสต็อกของรัฐบาล แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ ๑ ระบายเป็นการทั่วไป กลุ่มที่ ๒ ระบายสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่อาหาร กลุ่มที่ ๓ ระบายสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่อาหารคนและสัตว์ โดยในการระบายสินค้าจะมีหลักเกณฑ์ ให้ผู้ประกอบการเฉพาะกลุ่มที่เข้าเงื่อนไขตามที่กำหนดสามารถเข้าร่วมประมูลข้าว แต่ละกลุ่มได้เท่านั้น ทั้งนี้ คณะ กมธ. มีข้อสังเกตต่อประเด็นดังกล่าว ดังนี้ ๑. กรณีการกำหนดให้เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดเท่านั้น สามารถเข้าร่วมประมูลได้ จะทำให้เป็นการจำกัดสิทธิ์ผู้เข้าร่วมประมูลรายอื่น ๆ และทำให้ ราคาที่ประมูลได้มีราคาต่ำ เนื่องจากถ้าตีความว่าเป็นข้าวที่ใช้ในอุตสาหกรรมเท่านั้นจะทำให้ ราคาประมูลอยู่ที่ประมาณ ๓.๒ บาทต่อกิโลกรัม จึงควรมีการเปิดประมูลข้าวเป็นการทั่วไป ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นการจำกัดสิทธิ์และไม่เป็นการเปิดให้มีการแข่งขัน ทางการค้าได้อย่างเสรี ๒. ข้าวที่องค์การคลังสินค้าประกาศขายนั้น ได้รับการแจ้งจากสมาคมคลังข้าวไทยว่า ข้าวทั้ง ๓ กลุ่ม เป็นข้าวในปีการผลิตเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน และเก็บอยู่ในคลังสินค้าบริษัท เดียวกัน และสามารถนำไปปรับปรุงคัดแยกคุณภาพเพื่อขายสำหรับบริโภคได้ ๓. ในการดำเนินการตามนโยบายรัฐกรณีการระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลควรมีการ ตรวจสอบคุณภาพจากตัวแทนทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความรู้และความสามารถอย่างแท้จริง ๔. ข้าวที่ถูกจัดเก็บในโรงสีบ้านดอนเป็นข้าวที่โรงสีได้ทำสัญญาฝากเก็บโดยเป็นคู่สัญญา กับองค์การคลังสินค้า ถ้าในกรณีที่ตรวจสอบพบว่าเป็นข้าวกลุ่มที่ ๓ ซึ่งจะต้องระบายสู่อุตสาหกรรม ที่ไม่ใช่อาหารคนและสัตว์ จะทำให้โรงสีเป็นผู้ผิดสัญญาฝากเก็บและถูกฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายได้ ทั้งนี้ ในข้อสัญญาควรมีการกำหนดให้โรงสีที่ทำหน้าที่ฝากเก็บสามารถซื้อคืนข้าวดังกล่าวได้ ในกรณีที่พบว่าข้าวดังกล่าวเป็นข้าวเสียตามที่มีการระบุจริงและให้ชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญาฝาก เก็บตามส่วนต่างที่เกิดขึ้น |
|
|
วีดิทัศน์
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐ e-Mail : webmaster@parliament.go.th [คลิกดูแผนที่]
|
|
