|
|
เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติฟิลิปปินส์ ในการประชุมเต็มคณะ วาระที่ 3 ด้านความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ และนางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทย ได้เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะวาระที่ 3 ด้านความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยผู้แทนฯ ทั้ง 2 คน ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม โดยนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ได้กล่าวถึงความสำคัญของการศึกษาในฐานะเครื่องมือที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 4 การศึกษาที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 4.7 ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ใช้องค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างไรก็ดี แม้ประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมาย SDGs ที่ 4 แล้ว แต่ยังคงมีความท้าทายบางประการที่ต้องดำเนินการต่อไป อาทิ การจัดสรรงบประมาณไม่เพียงพอสำหรับโรงเรียนที่ห่างไกล การพัฒนาหลักสูตรที่ต้องปรับตามยุคสมัย และการจัดสวัสดิการต่าง ๆ สำหรับบุคลากรทางการศึกษา ปัจจุบันรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้กำหนดนโยบายเรียนฟรี 12 ปี และมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบการดำเนินการและกำหนดทิศทางเพื่อการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสูงและมีมาตรฐาน นอกจากนี้ รัฐบาลได้เน้นย้ำการยกระดับระบบการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงการดำเนินนโยบาย เรียนดีมีความสุข เพื่อลดภาระและข้อกังวลของผู้ปกครองและนักเรียน อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังมีความพยายามยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ดีขึ้นโดยผ่านการบัญญัติกฎหมายหลายฉบับ อาทิ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับปรับปรุง) เพื่อปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานการศึกษาให้เหมาะสม พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต พระราชบัญญัติกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และสุดท้ายได้เน้นย้ำถึงกลไกของรัฐสภาในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ส่งเสริมการบัญญัติกฎหมายด้านการศึกษาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศ
นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ ได้กล่าวถึงสิทธิด้านสุขภาพในฐานะสิทธิขั้นพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่งรัฐบาลควรต้องจัดให้มีการดูแลสุขภาพที่เข้าถึงได้และราคาไม่แพงสำหรับทุกคน และแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของระบบสุขภาพ โดยเห็นว่าระบบการดูแลสุขภาพที่เข้มแข็ง มีความเสมอภาค และฟื้นตัวได้จะเป็นรากฐานสำคัญในการป้องกันโรคและการตอบสนองในสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแบ่งปันประสบการณ์ในการดำเนินการและกฎหมายต่าง ๆ ของไทยที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระบบการดูแลสุขภาพของประเทศไทยและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะประสบความสำเร็จในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าประสงค์ที่ 3.8 บรรลุการมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า แล้ว แต่ยังคงมีความท้าทายที่สำคัญสำหรับเป้าหมายที่ 3 สุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดี และไทยยังคงพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะทำให้ระบบดียิ่งขึ้นและบรรลุเป้าหมายที่ 3 ภายในปี 2573
เครดิต : ภาพและข่าวโดยสำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|