การประชุมร่วมกัน แม่น้ำ ๕ สาย

-- สภาปฏิรูปแห่งชาติสิ้นสุด ณ วันที่ 6 กันยายน 2558 --

ปฏิทินกิจกรรม

e-Mail@parliament.go.th

วีดิทัศน์สภาปฏิรูปแห่งชาติ

วันพุธที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และ

คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ แถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

โดยพลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เปรียบเหมือนต้นน้ำและมีแม่น้ำสี่สาย คือ

คณะรัฐมนตรี สภาปฏิรูปแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไหลรวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา

คือ ประเทศไทยซึ่งคนไทยล้วนได้ประโยชน์ทั้งสิ้นและวันนี้ได้มีการนำเสนอร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก ซึ่งนำเสนอเฉพาะประเด็นสำคัญๆ

ซึ่งต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมและนำเสนออีกครั้ง โดยเฉพาะจะทำอย่างไรที่จะขับเคลื่อนไปสู่การเลือกตั้งให้ได้ รวมทั้งเรื่องความขัดแย้ง

ที่มีอยู่จะดำเนินการอย่างไร และทำอย่างไรให้การปฏิรูปที่จะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งหัวข้อในการปฏิรูปที่กำลังดำเนินการทุกฝ่ายมีความ

ใกล้เคียงกันและจะได้มีการหารือกันต่อไป ซึ่งรัฐบาลนี้จะเริ่มต้นการปฏิรูปและรัฐบาลต่อไปจะได้นำไปดำเนินการต่อจะใช้ระยะเวลา

อีกกี่ปีก็กำหนดมาและต้องทำงานให้ได้ ทั้งนี้อยากจะเรียนว่าเราไม่ได้มีความมุ่งหมายในการสืบทอดอำนาจหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่อยากให้บ้านเมืองมีอนาคต เพราะมี ๓๖ วาระในการปฏิรูป และ ๗ วาระในการพัฒนาประเทศ และอยากจะขอให้ทุกฝ่ายอย่าได้เพิ่ม

ความขัดแย้งอีกเลย ซึ่งการหารือเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญในวันนี้ ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะนำข้อสังเกตของแต่ละฝ่ายมาพิจารณา

และแลกเปลี่ยนกันในโอกาสต่อไป ซึ่งการทำงานจะต้องเห็นใจประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญด้วยที่ต้องรับภาระหนักในช่วงนี้

ในส่วนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็ยังคงมีกฎหมายหลายฉบับที่อยู่ระหว่างการพิจารณาบางส่วนเสร็จแล้ว และบางส่วนยังไม่เสร็จ

โดยมุ่งเน้นที่จะสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และขจัดการทุจริต ซึ่งได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันถึงจะเดินหน้า

ต่อไปได้ โดยเฉพาะเรื่องภาษีอย่ากล่าวหาว่าเป็นการรีดภาษีจากประชาชน ซึ่งความเป็นจริงไม่มีใครอยากทำ ตนเองก็ต้องโดนเรียกเก็บภาษี

ด้วยเช่นกัน การที่เข้าทำงานนี้เราเป็นห่วงคนจนอยู่แล้ว แต่ขอให้เวลาในการทำงานกับเราด้วย