นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส. พรรคประชาธรรมไทย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ และนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.พรรคไทรักธรรม รับยื่นหนังสือจาก เครือข่ายคัดค้านการทำแท้งเสรี และประธานสหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศไทย เพื่อขอใ

วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส. พรรคประชาธรรมไทย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ และนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.พรรคไทรักธรรม รับยื่นหนังสือจาก นพ.ภีศเดช สัมมานันท์ เครือข่ายคัดค้านการทำแท้งเสรี และพญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ประธานสหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 28 พ.ศ. 2564 ที่อนุญาตให้หญิงมีครรภ์สามารถทำแท้งได้ โดยไม่ต้องมีข้อบ่งชี้ใด ๆ ทั้งปัญหาสุขภาพของมารดาและทารก หรือ การตั้งครรภ์เนื่องจากการกระทำความผิดทางอาญา จนอายุครรภ์ถึง 20 สัปดาห์ ทั้งนี้ การทำแท้งก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ โดยการใช้ยา แม้ทำโดยแพทย์ในสถานพยาบาลที่ทันสมัยก็ยังเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ถึงร้อยละ 3 -14 อาทิ การคำนวณอายุครรภ์คลาดเคลื่อน การท้องนอกมดลูก ซีด รกค้าง ติดเชื้อ หรือหากมารดาทำแท้งตนเองก็ยิ่งมีโอกาสเกิดอันตรายมากและรุนแรงขึ้น ซึ่งการทำแท้งนอกจากอาจเกิดอันตรายทางกาย มีความทุกข์ความรู้สึกผิดทางใจต่อการยุติทำแท้งแล้วยังอาจกลับมาอยู่ในสภาวะปัญหาเดิม ๆ ที่ตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์หรือทำแท้งซ้ำอีก รวมทั้งยังเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ความเชื่อของบุคลากรทางการแพทย์ และบิดาถูกละเลยจากสิทธิและความรับผิดชอบต่อมารดาที่ตั้งครรภ์ อีกทั้งยังเป็นการละเมิดสิทธิในการมีชีวิตอยู่ของเด็กในครรภ์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานทางศีลธรรม และความเชื่อทางด้านศาสนา ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ทำแท้ง จึงขอเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการท้องก่อนวัยอันควรและการทำแท้ง โดยให้มีการสอนเพศศึกษา และการคุมกำเนิด เผยแพร่ปัญหาของการมีเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร รวมทั้งการทำแท้งควรทำโดยแพทย์ในสถานบริการที่มีความพร้อม และต้องผ่านการให้คำปรึกษา ทางเลือกการช่วยเหลือ ซึ่งหากเปลี่ยนใจไม่ทำแท้งต้องมีหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือจนกว่าจะดูแลตนเองและลูกได้ ตลอดจนหลังทำแท้งแล้วต้องมีหน่วยงานให้ความช่วยเหลือ และตั้งหน่วยงานยุติการตั้งครรภ์ในสถานพยาบาลของรัฐ สามารถใช้สิทธิการรักษาเพื่อลดการทำแท้งเถื่อน ไม่บังคับบุคลากรทางการแพทย์ผู้ไม่สมัครใจ ซึ่งรัฐต้องให้ความสำคัญกับเด็ก โดยร่วมรับผิดชอบจากแรกปฏิสนธิถึงการคลอด การเลี้ยงดูจนเป็นผู้ใหญ่ สนับสนุนสถาบันครอบครัว ศาสนา หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องให้เป็นที่พึ่งพิงได้ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ สังคม เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่มารดาแต่เพียงผู้เดียว และหากหญิงทำแท้งผิดกฎหมายฝ่ายชายผู้เป็นพ่อที่สนับสนุนหรือเพิกเฉยต้องร่วมรับผิด ตลอดจนบังคับใช้ พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ให้เกิดประสิทธิผลอย่างแท้จริง