นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการดำเนินงานของประธานศาลฎีกาในกรณีที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัวแกนนำคณะราษฎร ที่ปัจจุบันถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2564 เวลา 11.40 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการดำเนินงานของประธานศาลฎีกาในกรณีที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัวแกนนำคณะราษฎร ที่ปัจจุบันถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะ กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน พิจารณาและร่วมกันลงมติว่าจะเชิญให้ประธานศาลฎีกาเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดย นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ กล่าวว่า ขอให้พิจารณาถึงบทบาทหน้าที่การเป็น ส.ส. อย่างถี่ถ้วน ซึ่งหากจะกระทำการใดต้องคำนึงถึงพื้นฐานของการให้เกียรติสถาบันอื่นด้วย เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีความตรงไปตรงมาดังที่ปรากฏตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่ได้ระบุไว้เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของคณะ กมธ. ที่สามารถสอบหาข้อเท็จจริงโดยมีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคลใดหรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นในกิจการที่กระทำหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้ แต่ในวรรคที่สี่ได้ระบุไว้ว่า “คณะกรรมาธิการตามวรรคหนึ่งมีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลง ข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นในกิจการที่กระทำหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้ แต่การเรียกเช่นว่านั้นมิให้ใช้บังคับแก่ผู้พิพากษาหรือตุลาการที่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในกระบวนวิธี พิจารณาพิพากษาอรรถคดี หรือการบริหารงานบุคคลของแต่ละศาล และมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจโดยตรงในแต่ละองค์กรตามบทบัญญัติ ในรัฐธรรมนูญหรือตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี” ซึ่งถือว่ารัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าคณะ กมธ. ไม่สามารถที่จะเรียกให้ศาลเข้ามาชี้แจงได้ ทั้งนี้ จึงขอเรียนมาเพื่อความเข้าใจ เพื่อมิให้เกิดการตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดสภาจึงก้าวก่ายในอำนาจของศาลและไม่ให้เกียรติศาล