เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจาก โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เรื่อง ขอให้ตรวจสอบ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กรณีได้รับรถเบนซ์หรูป้ายแดงมูลค่า 5 ล้านบาท

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.15 นาฬิกา ณ จุดให้สัมภาษณ์ ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจาก นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และโฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนนทบุรี พรรคเพื่อไทย เรื่อง ขอให้ตรวจสอบ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กรณีได้รับรถเบนซ์หรูป้ายแดงมูลค่า 5 ล้านบาท ในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมาธิการงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2565 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 สืบเนื่องจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ดำรงตำแหน่งคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 144 ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีอำนาจจัดทำโครงการหรืออนุมัติหรือจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2565 และมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคำสั่งเรียกของคณะ กมธ.ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 และประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2563และตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(16) บัญญัติ ว่า "เจ้าพนักงาน" หมายความว่า บุคคลซึ่งกฎหมายบัญญัติว่า เป็นเจ้าพนักงานหรือได้รับตำแหน่งตามกฎหมายให้ปฏิบัติหน้าทีราชการ ไม่ว่าเป็นประจำหรือครั้งคราว และไม่ว่าจะได้รับคำตอบแทนหรือไม่ ดังนั้น การที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้รับแต่งตั้งจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นคณะ กมธ.วิสามัญงบประมาณฯมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 และมาตรา 144 อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ของนายเรืองไกร จึงเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(16) และถือเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 วรรคสอง ดังนั้น จึงขอนำเรื่องดังกล่าว กราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการบรรจุการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ ในวาระที่ 2-3 ของสภาผู้แทนราษฎร