วันพุธที่ 27 ตุลาคม 2564 เวลา 11.50 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงกรณีที่มีส.ส.พรรคก้าวไกลท่านหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์เชิญชวนประชาชนให้ลงทะเบียนในแอปพลิเคชันไลน์ของตน เพื่อให้มารับการฉีดวัคซีนที่สภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 28 ต.ค.64 จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยเบื้องต้นขอเรียนให้ทราบถึงที่มาของวัคซีนที่ทางสภาฯ ได้รับการจัดสรร เมื่อรัฐบาลได้ประกาศให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 บูสเตอร์ให้กับประชาชนที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 นั้น นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้รอดูระยะหนึ่งว่าบุคลากรทางการแพทย์ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วหรือไม่ และดูว่าไม่มีปัญหาเรื่องจำนวนวัคซีนในหมู่ประชาชน ซึ่งเมื่อเห็นว่าทุกอย่างดีแล้ว จึงได้ให้ทางสภาฯ ประสานไปยังกรมควบคุมโรคเพื่อขอนำวัคซีนมาฉีดให้กับบุคลากรของรัฐสภา รวมทั้งสมาชิกฯ และสื่อมวลชน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องปฏิบัติงานร่วมกันในรัฐสภาแห่งนี้ โดยได้ขอมาดำเนินการฉีดเองที่สภา เนื่องจากมีสำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภาที่มีเจ้าหน้าที่พยาบาลที่สามารถให้บริการฉีดวัคซีนได้ ตลอดจนมีแพทย์ที่คอยดูแลเรื่องความปลอดภัย และมีหน่วยปฐมพยาบาลพร้อมด้วยรถพยาบาลที่พร้อมเคลื่อนที่เร็วในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้น อย่างไรก็ตาม การนำวัคซีนมาดำเนินการฉีดสภาฯ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับกรมควบคุมโรค เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าบุคลากรของสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภาซึ่งรวมถึงวุฒิสภาด้วยมีจำนวนมากตลอดจนผู้ใกล้ชิดและผู้ติดตาม ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ในการฉีดวัคซีนส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการรองรับการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 พ.ย.64 นี้ โดยได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรและสื่อมวลชนไปแล้วเมื่อวันที่ 12  14  15 และ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยขอเรียนว่าในวันที่ 19 ต.ค. มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากและได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานีมาช่วยดำเนินการฉีดวัคซีนให้ ซึ่งในวันที่ 12 14 15 ต.ค. ทางสำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภาเป็นผู้ดำเนินการฉีดวัคซีนด้วยตนเอง ส่วน ส.ส. และผู้ติดตาม ได้เปิดให้ฉีดวัคซีนในวันที่ 26 27 และ 28 ต.ค.64 อย่างไรก็ตาม ทางสภาฯ ได้รับการจัดสรรวัคซีนมาจากกรมควบคุมโรค จำนวน 5000 โดสเท่านั้น 

ส่วนกรณีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทั่วไปนั้น ทางสภาฯ มิได้ละเลยในเรื่องดังกล่าว โดยตนในฐานะที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เคยประสานเป็นการภายในไปยังกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงก่อนเปิดสมัยประชุมเมื่อครั้งที่ผ่านมา ว่าหากมีความประสงค์ที่จะให้สภาฯ เป็นจุดบริการฉีดวัคซีนอีกจุดหนึ่งสำหรับประชาชนทั่วไป ทางสภาฯ ก็มีความพร้อมในการรองรับในช่วงการปิดสมัยประชุม แต่ถ้าหากเปิดสมัยประชุมแล้ว ทางสภาฯ คงไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากมีภารกิจหลักในการรองรับการประชุม แต่ในช่วงนั้นเป็นช่วงปิดสมัยการประชุม ตนจึงได้ประสานเป็นการภายในไป แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งว่า กระทรวงสาธารณสุขและกทม.มีจุดให้บริการฉีดวัคซีนเพียงพออยู่แล้ว จึงไม่ได้เข้าไปแทรกแซงในเรื่องดังกล่าว

พร้อมกันนี้ ขอแจ้งให้ทราบว่าทางสภาฯ ได้รับวัคซีนมาจำนวนจำกัดและมีเป้าหมายที่ได้ตกลงไว้กับทางกรมควบคุมโรคที่ชัดเจน จึงไม่สามารถเปิดกว้างให้บริการฉีดวัคซีนสำหรับพี่น้องประชาชนทั่วไปได้ ดังนั้น การที่ส.ส.ท่านหนึ่งได้โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าวนั้น ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงแต่ประการใด โดยรองเลขาธิการพรรคก้าวไกลได้ยอมรับกับทางสำนักบริการทางการแพทย์ฯ แล้วว่าเป็นการสื่อสารที่เข้าใจผิดและเมื่อสักครู่นี้ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลท่านหนึ่งได้โทรศัพท์มาพูดคุยแล้วว่า เป็นการสื่อสารที่เข้าใจผิด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทางพรรคก้าวไกลก็ต้องแสดงความรับผิดชอบในกรณีดังกล่าว
นอกจากนี้ ขอเรียนให้ทราบว่าการแจ้งข่าวเช่นนี้ทางสภาได้แจ้งไปยังพรรคการเมืองทุกพรรคและได้แจ้งไปในลักษณะทำนองเดียวกัน แต่พรรคการเมืองอื่นไม่เกิดปัญหาในลักษณะเช่นนี้ขึ้น