|  
													
													
													
											 | 
				
				 
					| 
											 | 
					 
													
																			
															
									 ห้องข่าว >>  ภาพข่าว >>   ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  									 |  
																																	
										โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญเพื่อพิจารณาติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 และ นายภราดร ปริศนานันทกุล กมธ. แถลงข่าวสรุปการดำเนินงานของคณะ กมธ.  
																															๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 22 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2564 
																				
																				
										
										 
										
										
										
										
										
									 | 
								 
								
																												
								 
								
							 
							
							 
	
  
     
    วันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564  เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว  ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ และพ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญเพื่อพิจารณาติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 และ นายภราดร ปริศนานันทกุล กมธ. แถลงข่าวสรุปการดำเนินงานของคณะ กมธ. โดยที่คณะ กมธ. ได้มีการพิจารณาศึกษาแล้วทั้งหมด จำนวน 11 ครั้ง ทั้งนี้ วงเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ แบ่งการใช้จ่ายเป็น 3 แผนงาน ได้แก่  แผนงานที่ 1 แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของ COVID-19 จากเดิมวงเงิน 30,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงมีการถ่ายโอนวงเงินจากแผนงานที่ 2 จำนวน 20,000 ล้านบาท ทำให้แผนงานที่ 1 มีวงเงินรวมจำนวน 50,000 ล้านบาท มียอดวงเงินอนุมัติ ณ วันที่ 26 พ.ย. 64 จำนวน 41,518 ล้านบาท ทั้งนี้ คณะ กมธ. มีข้อสังเกตเกี่ยวกับโครงการเพื่อจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยารักษาโรค วัคซีน และการวิจัย พัฒนาและผลิตวัคซีนภายในประเทศ โดยหน่วยงานภาครัฐควรเตรียมวัคซีนให้มีความหลากหลายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคตและควรมีแนวทางในการกระตุ้นให้ประชาชนเข้ามารับการฉีดวัคซีนมากขึ้น โดยเฉพาะภาคแรงงานซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อในอัตราที่สูงกว่าทุกภาคส่วน ตลอดจนลูกจ้างผู้ใช้แรงงานที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ให้มีสิทธิฉีดวัคซีน ณ ภูมิลำเนาได้ โดยไม่ต้องเดินทางกลับมายังสถานประกอบการของนายจ้าง นอกจากนี้ ควรสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับสูตรการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันความสับสน และประชาชนในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงกันควรได้รับวัคซีนสูตรเดียวกันในการฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันเป็นเข็มที่  3 รวมทั้งควรกำหนดระบบการลงทะเบียนให้มีความชัดเจนและมีการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกเพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง ตลอดจนควรจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพื่อจัดซื้อชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตัวเอง (Antigen Test Kit) ให้แก่นักเรียนในโรงเรียนของรัฐเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของโรงเรียนและผู้ปกครอง แผนงานที่ 2 แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา หรือชดเชยให้แก่ประชาชนในทุกสาขาอาชีพ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 จากเดิมวงเงิน 300,000 ล้านบาท ถ่ายโอนให้แก่แผนงานที่ 1 จำนวน 20,000 ล้านบาท คงเหลือวงเงินรวม 280,000 ล้านบาท มียอดวงเงินอนุมัติ ณ วันที่ 26 พ.ย. 64 จำนวน 149,599 ล้านบาท ทั้งนี้ คณะ กมธ. มีข้อสังเกตเกี่ยวกับโครงการเยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด โดยให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนให้ครอบคลุมทุกจังหวัด เนื่องจากประชาชนในทุกพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แผนงานที่ 3  แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ จากการระบาดของ COVID-19 วงเงิน 170,000 ล้านบาท มียอดวงเงินอนุมัติ ณ วันที่ 26 พ.ย. 64 จำนวน 82,521 ล้านบาท ทั้งนี้ คณะ กมธ. มีข้อสังเกตเกี่ยวกับโครงการการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ซึ่งมีการเบิกจ่ายในระดับที่ต่ำมาก จึงเห็นควรถ่ายโอนวงเงินไปใช้ประโยชน์ในโครงการอื่น ๆ ทดแทน สำหรับโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565 ควรมีการขยายกรอบวงเงินโครงการดังกล่าวเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง และควรให้คณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชน (กรอ. ) มีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางเพื่อเสนอแผนงานและโครงการของหน่วยงานส่วนภูมิภาค เพื่อให้การพัฒนาของจังหวัดและภูมิภาคต่าง ๆ เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ส่วนโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs ควรมีแนวทางในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงและธุรกิจกลางคืนผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับธุรกิจสถานบันเทิงและธุรกิจกลางคืน รวมทั้งผู้ประกอบอาชีพในสถานประกอบการออกกำลังกายของเอกชนหรือฟิตเนส ให้สามารถกลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติต่อไป        | 
   
 
								
								
								
								
								
								 | 
							
																	
																	
																	
																	
																	
															 | 
					
					 
						 
															
															
															
  
    
															
 สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ 
	Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐ 
	e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]  
															
															 | 
															
															 | 
															
															 | 
 
 
 
													 |