วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2565 เวลา 14.10 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายนิกร จำนง รองประธานคณะ กมธ.คมนาคม คนที่ห้า แถลงผลการพิจารณา เรื่อง "พิจารณาแนวทางบรรเทาผลกระทบแก่ประชาชนจากการบังคับใช้ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565)” สืบเนื่องจาก พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 65 และจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 120 วัน โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับการบังคับให้ผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษ เพื่อป้องกันอันตราย ซึ่งทำให้ประชาชนรู้สึกกังวลว่าจะกระทำผิดกฎหมาย เพราะที่นั่งสำหรับเด็กมีราคาค่อนข้างสูง และรถบางประเภทไม่อาจติดตั้งได้ รวมทั้งข้อสังเกตของคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เกี่ยวกับกรณีที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ดังนั้น คณะ กมธ. จึงได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามการดำเนินการและการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยจากการประชุมพบประเด็นปัญหาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการแจ้งข้อสังเกตของคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และข้อสังเกตของคณะ กมธ.ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการเรียบร้อยแล้ว โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบหลัก
2. ผู้แทนภาคประชาชน มีความเห็นว่าที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเป็นอุปกรณ์ที่ดีในการป้องกันอันตราย และต้องการใช้ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือในเรื่องของราคาที่ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้
3. ผู้แทนภาควิชาการ แสดงความเห็นเกี่ยวกับที่นั่งนิภัยสำหรับเด็ก ปัจจุบันอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเป็นของยุโรป ประชาชนจึงมีความสนใจน้อย เพราะมีราคาสูง อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยและ
มีกฎหมายบังคับใช้แล้ว ทุกภาคส่วนจึงควรสนับสนุนให้ใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กต่อไป
4. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจาก พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออกประกาศกำหนดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กและที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย รวมทั้งวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แต่ปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีปัญหาเกี่ยวกับการออกประกาศดังกล่าว เพราะยังขาดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่สามารถอ้างอิงในการออกประกาศตามกฎหมายได้
5. กระทรวงอุตสาหกรรม มีหน้าที่เกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)
โดยปัจจุบันที่นั่งสำหรับเด็กยังไม่ได้กำหนดเป็นมาตรฐานบังคับที่ผู้ผลิตจะต้องได้รับ มอก.
ก่อนนำออกจำหน่าย และไม่ได้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยขั้นต่ำของประเทศไทย แต่ใช้การอ้างอิงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของสหภาพยุโรป (EU)
6. กรมศุลกากร ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก มีอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 20 แต่ได้รับ
สิทธิประโยชน์ตามข้อตก FTA ร้อยละ 96 ของจำนวนนำเข้าไม่ต้องเสียภาษี ขณะนี้กรมศุลกากรอยู่ระหว่างออกประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ให้เป็นร้อยละ 0
7. กรมการค้าภายใน โดยขณะนี้ได้ดำเนินการติดตามและดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งยังกำหนดราคามิได้ แต่อยู่ระหว่างการประสานข้อมูลราคานำเข้าจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อนำมากำหนดสรุปราคาที่เหมาะสม

ทั้งนี้ คณะ กมธ. มีข้อสังเกตว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประสานและบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยคณะ กมธ. จะนำข้อมูลจากการประชุมวันนี้ ไปประกอบการสัมมนา เรื่อง "เด็กไทยต้องปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน" ในวันจันทร์ที่ 18 ก.ค. 65 เพื่อหาข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่าง ๆ เสนอไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อสะท้อนปัญหาไปยังรัฐบาล และช่วยไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบหลังจาก พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ