|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร |
นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ และนายบัญญัติ เจตนจันทร์โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แถลงข่าวผลการประชุม คณะกมธ.
๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 23 ๏ฟฝ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565
|
วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน 2565 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ และนายบัญญัติ เจตนจันทร์โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แถลงข่าว ผลการประชุม คณะกมธ. โดยคณะ กมธ. ได้ใช้เวลาในการพิจารณางบประมาณมาแล้วทั้งหมด ใช้เวลา 11 วัน รวม 101 ชั่วโมง ซึ่งมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาไป แล้วรวม 3 กระทรวง 7 หน่วยงาน 3 กองทุน คิดเป็น 11.1 ของหน่วยงานที่ต้องพิจารณาทั้งหมดโดย เมื่อวานนี้ เป็นการประชุมครั้งที่ 13 /2565 วันพุธที่ 22 มิ.ย. 65 ซึ่งคณะ กมธ. ได้พิจารณางบประมาณในภาพรวมของกระทรวงคมนาคม งบประมาณทั้งสิ้น 180,502,023,700 บาท
โดยพิจารณางบประมาณหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม 7 หน่วยงานจาก ทั้งหมด 13 หน่วยงาน ดังนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กรมการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางราง กรมเจ้าท่า กรมท่าอากาศยาน และสถาบันการบินพลเรือน ซึ่งในการพิจารณางบประมาณในภาพรวมของกระทรวงคมนาคมที่ประชุมได้มีการสอบถามและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อประหยัดพลังงานลดค่าใช้จ่ายและรักษาสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้มี กมธ. บางท่านให้ข้อเสนอแนะว่ากระทรวงคมนาคมควรปรับเกณฑ์ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่มุ่งช่วยเหลือค่าภาษีเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทเท่านั้น และให้ช่วยลดค่าภาษีครอบคลุมไปถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมูลค่าเกินกว่า 2 ล้านบาทถ้วน เพื่อสนับสนุนให้บริษัทรถยนต์จากต่างประเทศนอกเหนือจากบริษัทรถยนต์ของประเทศญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทยซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ปลัดกระทรวงคมนาคมได้ชี้แจงว่าจากข้อเสนอแนะของ กมธ. ที่ต้องการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาเกิน 2 ล้านบาทด้วยนั้น ประเด็นนี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับนโยบายในภาพรวมของการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเลขานุการอย่างไรก็ตามหน่วยงานจะนำข้อเสนอแนะของ กมธ. ไปเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไปส่วนในการพิจารณางบประมาณของกรมขนส่งทางบก ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับข้อร้องเรียนของประชาชนเรื่องจำนวนรถประจำทางสาธารณะที่มีการให้บริการน้อยลง กมธ.ได้สอบถามถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้รวมถึงการปรับเปลี่ยนหมายเลขประจำทางของรถเมล์ในกรุงเทพมหานครซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ทั้งนี้ผู้แทนของกรมการขนส่งทางบกชี้แจงว่าหน่วยงานกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อยู่โดยในสัปดาห์หน้าจะหารือกับภาคเอกชนเพื่อปรับรูปแบบการดำเนินงานให้ภาคเอกชนที่ร่วมเดินรถประจำทางสามารถประกอบกิจการเพื่อบริการประชาชนต่อไปได้นอกจากนี้หน่วยงานจะมีการจัดโซนนิ่งและเลขหมายของรถประจำรถโดยสารประจำทางใหม่เป็นสี่โซนเพื่อให้ผู้โดยสารรับทราบว่ารถประจำทางแต่ละโซนมีต้นทางอยู่ที่ทิศทางหรือโซนใดแต่ในช่วงเปลี่ยนผ่านการดำเนินการในช่วงแรกอาจสร้างความสับสนให้กับประชาชนอย่างไรก็ตามหน่วยงานกำลังจัดทำแอปพลิเคชันเพื่อให้ประชาชนทราบว่ารถโดยสารประจำทางในกรุงเทพมหานครมีกี่สายจะมีรถสายใดผ่านถนนที่ประชาชนอยู่บ้างและต้องรอกี่นาที รวมทั้งหากประชาชนต้องการเดินทางไปที่ใดสามารถบอกได้ว่าต้องขึ้นรถโดยสารสายใดนอกจากนี้รถโดยสารที่จะเดินรถใหม่จะต้องติดตั้งระบบ GPS และมีระบบ AI ที่กำกับดูแลจำนวนผู้โดยสารบอกตำแหน่งรถและเวลาที่รถมาถึงได้โดยกระบวนการทั้งหมดจะสามารถใช้ได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า6.สำหรับการพิจารณางบประมาณของกรมท่าอากาศยานที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการเปิดเส้นทางการบินใหม่ในจังหวัดท่องเที่ยวเขตพื้นที่ภาคใต้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คลี่คลาย พร้อมทั้งเสนอแนะให้กรมท่าอากาศยานจัดให้มีสายการบินเชื่อมโยงเพื่อการท่องเที่ยว และให้มีการคมนาคมที่สะดวก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทยซึ่งจะสามารถสร้างรายได้จำนวนมากให้กับประเทศไทยส่วนในวันนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 14/2565 วันพฤหัสบดีที่ 23 มิ.ย. 65 ซึ่งพิจารณาหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคมอีก 2 หน่วยงาน 4 รัฐวิสาหกิจ และจะพิจารณาไปจนครบทั้งหมด 13 หน่วยงาน (รายละเอียดตามแนบ) |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|