|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร |
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล แถลงข่าวประเด็นการชี้แจงของ รมว.คมนาคม
๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 20 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565
|
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.40 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล แถลงข่าวประเด็นการชี้แจงของ รมว.คมนาคม สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (19 ก.ค. 65) ตนได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ว่ามีการปกปิดทรัพย์สินของตนเองในส่วนที่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี และจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพื่อให้ตนเองมีส่วนได้รับผลประโยชน์จากโครงการต่าง ๆ ของรัฐ ซึ่งเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันนี้ (20 ก.ค. 65) นายศักดิ์สยาม ได้ชี้แจงประเด็นนี้และได้แสดงหลักฐานว่ามีการจ่ายเงินโอนหุ้นของ หจก. กันจริงในราคา 120 ล้านบาท ซึ่งตนมองว่า หจก. ที่มีสินทรัพย์ มีรายได้มากขนาดนี้ การซื้อขายในราคา 120 ล้านบาทเป็นราคาที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะหลังจากขายไปแล้ว หจก.นี้กลับมาได้งานของกระทรวงคมนาคมในขณะที่นายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่งมูลค่า 1,000 ล้านบาท หากจะบอกว่าการขายในราคานี้เป็นราคาที่พึงพอใจก็ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าการกระทำธุรกรรมครั้งนี้เป็นนิติกรรมอำพรางหรือเปล่า และหากมีการซื้อขายโอนหุ้นกันในราคานี้จริง เงินที่ขายราคา 120 ล้านบาทนี้หายไปไหนจากบัญชีทรัพย์สิน เพราะการซื้อขายเกิดขึ้น 16 เดือนก่อนยื่นแสดงทรัพย์สิน และมีการโอนเงินค่าหุ้นในงวดแรกก่อนที่จะมีการโอนหุ้นจริง 5 เดือน ซึ่งเป็นการซื้อขายที่แปลกมาก เพราะมีการจ่ายเงินก่อนที่จะมีการโอนหุ้นให้กัน แต่หากจะบอกว่าเงินจำนวนนี้นำไปใช้ส่วนตัวแล้ว จึงไม่ปรากฏในบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ตนขอไม่ก้าวล่วง แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ หจก.นี้รัฐมนตรีทำการขายโอนออกไปเมื่อต้นปี 2561 แต่ปรากฏว่าปลายปี 2560 หจก. นี้เป็นเจ้าหนี้ของหุ้นส่วนผู้จัดการ จำนวน 69 ล้านบาท หมายความว่าก่อนโอนหุ้นออก นายศักดิ์สยาม เป็นหนี้ หจก. แห่งนี้ จำนวน 69 ล้านบาท และเมื่อสิ้นปี 2561 หนี้จำนวนนี้ยังเขียนเหมือนเดิมว่าเป็นเจ้าหนี้หุ้นส่วนผู้จัดการอยู่จำนวนเท่าเดิม แต่หุ้นส่วนผู้จัดการเปลี่ยนชื่อไปแล้ว จึงสงสัยว่ามีการโอนหนี้ออกไปหรือไม่ และขณะที่มีการขายหุ้นกัน หากขายกันในราคา 120 ล้านบาท แล้วมีการโอนหนี้จำนวนนี้ให้กับผู้จัดการคนใหม่แปลว่านายศักดิ์สยาม ได้กำไรจากการขายกิจการนี้ 69 ล้านบาท ดังนั้น ต้องยื่นภาษีแต่ว่านายศักดิ์สยามไม่ได้ยื่น และหากไม่มีการโอนหนี้จำนวนนี้ออกไปแปลว่าหนี้จำนวนนี้คือหนี้สิ้นส่วนตัว ต้องยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งไม่มีการยื่น การที่บอกว่านำเงินจำนวนนี้ไปใช้หนี้ ตัวเลขหนี้สิ้นเมื่อสิ้นปี 2560 และ 2561 ตัวเลขในงบดุลหนี้ยังจำนวนเท่าเดิม ดังนั้น หลักฐานทั้งหมดที่ตนได้อภิปรายน่าจะมัดตัวนายศักดิ์สยามได้ค่อนข้างแน่นพอสมควร ซึ่งตนจะพูดคุยกับฝ่ายกฎหมายของพรรค และพรรคประชาชาติที่ได้อภิปรายในประเด็นนี้ เพื่อยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบและสอบสวนการยื่นบัญชีทรัพย์สินและการถือครองธุรกิจที่ใช้นิติกรรมอำพรางเพื่อเอาผิดกับนายศักดิ์สยาม ต่อไป |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|