|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร |
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ และคณะ แถลงข่าว
๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 10 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565
|
วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม 2565 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ และคณะ แถลงข่าว เกี่ยวกับข้อเสนอแนะให้รัฐบาลมีมาตรการขั้นสูงสุดในการปราบปรามยาเสพติด สืบเนื่องจาก เหตุการณ์กราดยิงที่ศูนย์เด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ที่มีความสูญเสียอย่างรุนแรงและทำให้ประชาชนได้รับความรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก นับเป็นการฆาตกรรมหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดโดยมีผู้กระทำความผิดเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ไทย ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวนมากกว่าเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2563 สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว การเยียวยาตามระเบียบราชการจะเยียวยาได้จำนวนจำกัด อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ผู้สมัคร ส.ส.อื่น ๆ ไม่สามารถร่วมมอบเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดให้กับครอบครัวผู้สูญเสียได้ เพราะระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 มาตรา 68 และมาตรา 73 ดังนั้น การที่สำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการเปิดรับบริจาคจากประชาชนทั่วไป แม้จะไม่สามารถชดเชยกับความสูญเสียที่ครอบครัวผู้สูญเสียได้ แต่ก็ไม่ควรน้อยกว่าการเยียวยากรณีการกราดยิงที่โคราช ที่ได้รับการเยียวยาจำนวน 5,000,000 บาท หรือการเยียวยาเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่ได้รับการเยียวยาจำนวน 7,750,000 บาท รวมทั้งขอเสนอแนะให้รัฐบาลมี 3 มาตรการในการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก ดังนี้ 1. มาตรการในการป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงในโรงเรียน ควรมีดังนี้ 1) ควรติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV )ในบริเวณโรงเรียน ทุกจุด 24 ชม. ผู้ปกครองสามารถเปิดดูได้ตลอดเวลาที่บุตรหลานมาโรงเรียน 2) โรงเรียนต้องมีรั้วสูง มีลวดหนามในชั้นบน 3) จัดให้มีทางเข้า - ออก ทางเดียว และต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.)ที่มีอาวุธครบมือ จำนวน 2 คน โดยให้มีการเฝ้าระวัง 2 กะ/วัน 4) ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก ต้องได้รับการฝึกฝนวิธีการแก้ไขสถานการณ์แบบเร่งด่วน มีทักษะในการต่อสู้ป้องกันตัว ฝึกฝนการใช้อาวุธเพื่อการป้องกันตัว 5) ตำรวจในท้องที่ ต้องออกตรวจตราดูแลทุก 6 ชม. 2. มาตรการการพกพาอาวุธของตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ ข้าราชการและประชาชนทั่วไป ควรมีดังนี้ 1) เจ้าหน้าที่พกพาอาวุธ ได้เฉพาะปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น 2) ผู้ที่สามารถพกพาอาวุธทุกคนต้องได้รับการตรวจสอบสุขภาพจิต วุฒิภาวะทางอารมณ์ทุก ๆ 2 ปี กรณีผลตรวจไม่ผ่าน ต้องยึดอาวุธปืนส่วนตัว - ราชการคืน พร้อมถอดใบอนุญาตพกพาอาวุธ 3) ให้มีการตรวจสารเสพติดทางฉี่ เลือด หรือเส้นผมจากตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้มีใบอนุญาตพกอาวุธทุกคน ถ้ามีสารเสพติดให้ยึดอาวุธ และถอดใบอนุญาต 4) ออกมาตรการห้ามตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่มีอาวุธปืน ดื่มของมึนเมา เพราะจะทำให้ขาดสติ 3. มาตรการปราบยาเสพติดขั้นสูงสุด ควรจัดให้เป็นดังนี้ หากพื้นที่ใดในความรับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธร หรือ สถานีตำรวจนครบาล มียาเสพติด หรือยาบ้าเพียงจำนวน 1 เม็ดขึ้นไป ให้หัวหน้าส่วนราชการร่วมออกจากราชการไว้ก่อน ในส่วนของทหาร หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ให้ใช้มาตรการเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดย ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ต้องออกจากราชการด้วย |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|