วันอังคารที่ ๑๖ ก.พ.๕๙ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ บริเวณห้องโถง อาคารรัฐสภา ๑ นายสถิต ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ นายสมชัย ฤชุพันธุ์ โฆษกกรรมาธิการฯ และนายกลินท์ สารสิน กรรมาธิการฯ พร้อมคณะ ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมาธิการฯ เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว โดยได้กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในอดีตที่มีการขยายตัวเฉลี่ยต่อปีร้อยละ ๕ ๖ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวดีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกขยายตัวต่อปีร้อยละ ๘ ๑๐ จนทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกสินค้าและบริการสูงถึงร้อยละ ๗๗ ของ GDP ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการส่งออกสินค้าประมาณร้อยละ ๖๐และอีกร้อยละ ๑๗ เป็นการส่งออกบริการโดยเฉพาะการท่องเที่ยว แต่ในช่วง ๒ ๓ ปี ที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกมีปัญหามากขึ้นโดยเฉพาะในยุโรป จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้าหลักของโลก ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศของประเทศต่างๆ หดตัวลง โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักอย่างประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วง ๒ ๓ ปี ดังกล่าวขยายตัวได้เพียงร้อยละ ๓ ๔ ต่อปีเท่านั้น ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพของประเทศไทยที่ควรจะเติบโตได้ประมาณร้อยละ ๕ และผลของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงนั้น สะท้อนได้จาก ปี ๒๕๕๘ การส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัวถึงร้อยละ ๕.๘ ต่อเนื่องมา ๒ ๓ ปี แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกัน เครื่องยนต์หลักที่ยังคงทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักได้อย่างดีคือ การท่องเที่ยว โดยในปี ๒๕๕๘ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาประเทศไทยจำนวน ๒๙.๙ ล้านคน ขยายตัวถึงร้อยละ ๒๐.๔ สร้างรายได้เข้าประเทศถึง ๑.๔ ล้านล้านบาท ขยายตัวถึงร้อยละ ๒๓.๔ดังนั้น การเพิ่มบทบาทของการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจซึ่งมีอยู่สูงแล้ว ให้สูงขึ้นไปอีก จะช่วยให้เศรษฐกิจทั้งระดับบนจนถึงระดับท้องถิ่นขยายตัวได้ดีด้วย และถือเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึง หรือเรียกว่า Inclusive growth อย่างแท้จริง ทั้งนี้ ในการประชุมกรรมาธิการ ที่ประชุมยังได้มีความเห็นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการท่องเที่ยว โดยให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วม และทำให้มีความยั่งยืน และได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการบูรณาการการท่องเที่ยวจังหวัด และสำนักงานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติด้วย