|
|
« |
พฤศจิกายน 2567 |
» |
อา. |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ. |
ศ. |
ส. |
| | | | |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
ดูปฏิทินทั้งหมด |
|
|
|
|
|
วันอังคารที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องรับรอง ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา ๑ ร้อยเอก ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ให้การรับรองนายอะฮ์มัด รุซดี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เพื่อแนะนำตัวเนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่ใหม่
ประธานฯ กล่าวต้อนรับพร้อมกล่าวว่า ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีความเจริญเติบโตทางด้านศรษฐกิจเป็นอย่างมาก สำหรับประเทศไทยนั้น ขณะนี้อยู่ในสภาวะพิเศษคือ รัฐบาลและทุกภาคส่วนพยายามผลักดันให้ประเทศกลับไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนตามโรดแมปที่จะมีการเลือตั้ง การกลับสู่ประชาธิปไตยนั้น ประเทศไทยเห็นว่าควรมีการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการมีประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ดังนั้น จึงได้มีมาตรการการป้องกันการทุจริตที่เข้มงวด รวมทั้งมีบทลงโทษที่เด็ดขาด ได้มีการปฏิรูประบบราชการให้สามารถตอบสนองประชาชนได้ ซึ่งมีทั้งที่สามารถดำเนินการได้ทันทีและบางเรื่องต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้น รัฐบาลจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปีขึ้น โดยจะมีการปรับปรุงทุก ๆ ๕ ปี ซึ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีพันธะที่ต้องจัดการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ ว่า นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับการปฏิรูปโดยให้ทุกส่วนราชการนำข้อเสนอของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ จำนวนรวมทั้งสิ้น ๗๓ เรื่องไปพิจารณาและเร่งดำเนินการ รวมทั้งได้ตั้งหน่วยงานเพื่อการติดตามงานดังกล่าวและให้ส่วนราชการรายงานความคืบหน้าพร้อมนำส่งรายงานการดำเนินการต่าง ๆ ทุก ๑๕ วัน ดังนั้น การที่ได้รับสนับสนุนจากมิตรประเทศ จึงมีความหมายเป็นอย่างยิ่ง และขอฝากความร่วมมือในด้านการแก้ปัญหาด้านประมงด้วย เพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือและมีความสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น และในโอกาสนี้ ได้ฝากความระลึกถึงประธานนาธิบดี และประธานรัฐสภาสาธารณรัฐอินโดนีเซีย |
|
|
|