วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา ณ บริเวณห้องโถง อาคารรัฐสภา ๑ ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีฉลองครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้กล่าวถึงประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยตลอดระยะเวลา ๔๐ ปีที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด และได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนกันอย่างสม่ำเสมอทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล และสถาบันนิติบัญญัติ สำหรับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจนั้น  จีนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ ๑ เป็นตลาดส่งออกอันดับ ๑ และเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ ๑ ของไทย ขณะที่ไทยเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ ๑๓ ของจีน  ซึ่งเป็นผลจากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ที่กำหนดให้อัตราภาษีของสินค้าทั้งหมดของทั้งสองฝ่ายจะเป็นร้อยละ ๐ เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ รวมทั้งการเปิดใช้เส้นทาง R๓A (เชื่อมระหว่าง จีน – ลาว – ไทย) เส้นทาง R๘ และเส้นทาง R ๑๒ (เชื่อมระหว่าง ไทย – ลาว – เวียดนาม)  อีกทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ยังเป็นประเทศที่มีการถ่ายเทและแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน รวมทั้งประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีชาวจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ส่งผลให้เยาวราชเป็นย่านไชน่าทาวน์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักดีของชาวจีน และเทศกาลสำคัญ ๆ ของชาวจีนกลายเป็นเทศกาลที่ชาวไทยคุ้นเคยและร่วมเฉลิมฉลองไปด้วย อาทิ เทศกาลตรุษจีน สารทจีน และเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งการจัดงานฉลองครบรอบ ๔๐ ปี นี้จะนำมาซึ่งความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ตลอดจนการนำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างไทยและจีนสืบต่อไป จากนั้น นายหนิง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวสุนทรพจน์  โดยภายในงานได้มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย – จีน ทั้งนี้ ในเวลา ๐๙.๕๐ นาฬิกา ก่อนเริ่มพิธีเปิดงาน ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และนายหนิง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้ตีปิงปองเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน