|
|||||
|
|
เมนูหลัก |
|
|
วีดิทัศน์สำนักงานฯ |
|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสำนักงานฯ  |
นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งในคณะ กมธ. สหภาพรัฐสภาสตรี (Bureau of Women Parliamentarians) ได้เข้าร่วมการสัมมนาหัวข้อ รัฐสภาและการปฏิรูปกฎหมายที่คำนึงถึงมิติทางเพศ ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 22 ๏ฟฝ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2564 |
|
|
|
เมื่อวันพุธที่ 21 เมษายน 2564 เวลา 19.0021.00 นาฬิกา (ตามเวลาในประเทศไทย) นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งในคณะ กมธ. สหภาพรัฐสภาสตรี (Bureau of Women Parliamentarians) ได้เข้าร่วมการสัมมนาหัวข้อ รัฐสภาและการปฏิรูปกฎหมายที่คำนึงถึงมิติทางเพศ (Gender-sensitive parliaments and gender-responsive legal reforms) การประชุมนี้จัดขึ้นโดยสหภาพรัฐสภาร่วมกับองค์กรเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ซึ่งเล็งเห็นปัญหาของสตรีและกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยได้จัดการประชุมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ผ่านระบบ Interprefy รวม 3 ครั้งคือเมื่อวันที่ 7, 14 และ 21 เม.ย. 64 โดยในครั้งที่สามนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 60 คน ในการนี้ นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ ได้ร่วมอภิปรายว่า ประเทศไทยได้รับความยากลำบากจากผลกระทบต่าง ๆ มากมายอันเกิดจากการระบาดของโควิด-19 ทั้งระลอกหนึ่งและระลอกสองที่ผ่านมา มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเมื่อปีที่แล้ว พนักงานและคนงานในโรงงานจำนวนมากตกงาน เมื่อประเทศไทยสามารถปรับตัวได้ในช่วงก่อนปลายปีที่แล้ว เศรษฐกิจก็สามารถฟื้นกลับมาได้ในระดับหนึ่งอันเนื่องมาจากการจำกัดการระบาดของประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อบรรเทาภาระโดยเฉพาะภาระทางด้านการเงินของประชาชนและครัวเรือน ซึ่งทั้งหญิงและชายต่างได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐบาลนั้น แต่ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังประสบกับการระบาดระลอกสาม การระบาดระลอกนี้ทำให้เศรษฐกิจของประเทศถอยหลังลงไปอีก ผู้ต่อสู้กับการระบาดแนวหน้าได้แก่ พยาบาล บุคลากรด้านสาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรี หากการระบาดระลอกนี้ไม่สามารถจบได้เร็ว คนทำงานหลายคนก็อาจจะเสี่ยงตกงานหรือมีรายได้ลดลง ผู้ที่เป็นแม่ก็อาจไม่สามารถมีรายได้มาเลี้ยงดูลูกเพียงพอหรือส่งเสียให้ลูกเรียนได้ ในฐานะที่ตนเป็นสมาชิกรัฐสภา จะได้ทำการติดตามสถานการณ์ในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและจะเสนอรัฐบาลให้หาทางช่วยเหลือทางการเงินให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ผู้ที่ตกงานสามารถกลับภูมิลำเนาของตนเพื่อเริ่มอาชีพเกษตรกรเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ นอกจากนี้ นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ ยังได้หยิบยกประเด็นการแก้ไขกฎหมายของประเทศไทยล่าสุดคือกฎหมายทำแท้ง เดิมนั้นการทำแท้งผิดกฎหมายไม่ว่าหญิงจะมีอายุครรภ์เท่าไหร่ก็ตาม และหญิงที่ทำแท้งหรือยอมให้ผู้อื่นทำแท้งนั้นย่อมได้รับโทษ แต่ตามกฎหมายใหม่ หญิงมีสิทธิตัดสินใจโดยมีสิทธิในร่างกายของตนเอง หากอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์สามารถทำแท้งได้โดยไม่มีความผิด หรือหากเกิน 12 สัปดาห์สามารถทำแท้งได้ภายใต้เงื่อนไขคือ (1) หากตั้งครรภ์ต่อไปจะเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายต่อสุขภาพทางกายหรือจิตใจของหญิงนั้น (2) หากทารกคลอดออกมาจะมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะได้รับผลกระทบจากความผิดปกติทางกายหรือจิตใจถึงขนาดทุพพลภาพอย่างร้ายแรง หรือ (3) หญิงมีครรภ์เนื่องจากมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์เท่านั้น เครดิตข่าวและภาพ : กลุ่มงานสหภาพรัฐสภา สำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร |
|
|
 |
สงวนลิขสิทธิ์โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๕๐๐ email : webmaster@parliament.go.th http://www.parliament.go.th |
 |