เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี 2565 ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับการประกวดวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระบบซูม

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.30 นาฬิกา ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี 2565 พร้อมด้วย น.ส.โสมอุษา บูรณะเหตุ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะรองประธานกรรมการ นายสกุล บุณยทัต นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ในฐานะรองประธานกรรมการ นางชมัยภร บางคมบาง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2557 ในฐานะกรรมการ และนางจงเดือน สุทธิรัตน์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ ในฐานะกรรมการ ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับการประกวดวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระบบซูม
โดยนางพรพิศ เพชรเจริญ กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยคณะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี 2565 ได้จัดประกวดวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนการปฏิรูปการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ทั้งในเรื่องสิทธิ หน้าที่ ความเสมอภาค และความรับผิดชอบต่อสังคม อันเป็นพื้นฐานสำคัญของความเป็นประชาธิปไตย ผ่านวรรณกรรม รวมทั้งเพื่อสนับสนุนและยกย่องผลงานวรรณกรรมไทยที่ทรงคุณค่าให้พัฒนาไปพร้อมกับสำนึกความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนเสริมสร้างความสมานฉันท์ และความสามัคคีของประชาชนในประเทศชาติ โดยแบ่งการจัดประกวดวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้าออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เรื่องสั้น และบทกวี โดยผลงานวรรณกรรมที่ส่งเข้าประกวด จะต้องมีเนื้อหาที่ “ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย” ซึ่งผู้ที่ชนะการประกวดจะได้รับโล่รางวัลพานแว่นฟ้าของประธานรัฐสภา และเงินรางวัล รวม 680,000 บาท ดังนี้
1. รางวัลชนะเลิศ ประเภทละ 1 รางวัล ได้รับโล่รางวัลพานแว่นฟ้า และเกียรติบัตร ของประธานรัฐสภา และเงินรางวัล รางวัลละ 60,000 บาท
2. รางวัลรองชนะเลิศ ประเภทละ 2 รางวัล ได้รับโล่รางวัลพานแว่นฟ้า และเกียรติบัตร ของประธานรัฐสภา และเงินรางวัล รางวัลละ 40,000 บาท
3. รางวัลชมเชย ประเภทละ 10 รางวัล ได้รับเกียรติบัตร ของประธานรัฐสภา และเงินรางวัล รางวัลละ 20,000 บาท
ซึ่งผลงานที่ผ่านการพิจารณารอบกลั่นกรอง (Longlist) ทั้งประเภทเรื่องสั้นและบทกวีที่ไม่ได้รับรางวัล จะได้รับเกียรติบัตรของประธานรัฐสภา
ด้านนายสกุล บุณยทัต ได้กล่าวถึงการประกวดฯ ประเภทเรื่องสั้นว่า ต้องมีต้นฉบับผลงานเป็นภาษาไทย พิมพ์ลงในกระดาษ เอ 4 จำนวนไม่เกิน 8 หน้า พิมพ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 16 ตัวพิมพ์ (16 พอยท์) ในกรณีที่ผู้ส่งผลงานเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ หรือทัณฑสถาน อนุโลมให้เขียนด้วยลายมือตัวบรรจงได้ (ไม่เกิน 10 หน้า) โดยหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกและการตัดสิน ประกอบด้วย มีเนื้อหาส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย มีชื่อเรื่องของผลงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีกลวิธีนำเสนอน่าสนใจ มีอรรถรส ชวนอ่าน และมีคุณค่าในเชิงวรรณศิลป์ มีสำนวนและภาษาถูกต้องเหมาะสม และมีองค์รวมของความเป็นวรรณกรรม นางชมัยภร บางคมบาง กล่าวถึงการประกวดฯ ประเภทบทกวีว่า ต้องเป็นวรรณกรรมประเภทบทกวี หากเป็นบทกวีแบบมีฉันทลักษณ์ ขนาดความยาว 6 - 12 บท หากเป็นบทกวีรูปแบบอื่น (กลอนเปล่าหรือรูปแบบคำประพันธ์ที่สร้างขึ้นใหม่) ขนาดความยาวไม่เกิน 2 หน้ากระดาษ โดยพิมพ์หรือเขียนลงในกระดาษ เอ 4 หากพิมพ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 16 ตัวพิมพ์ (16 พอยท์) หากเขียนด้วยลายมือให้เขียนตัวบรรจง สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกและการตัดสิน ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับเรื่องสั้น