|
 |
|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง แถลงข่าวภายหลังพรรคก้าวไกลมีแถลงการณ์ให้พ้นจากสมาชิกภาพพรรค เพื่อให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 29 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2566 |
|
|
|
วันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 เวลา 10.10 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าวชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง แถลงข่าวภายหลังพรรคก้าวไกลมีแถลงการณ์ให้พ้นจากสมาชิกภาพพรรค เพื่อให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ โดยน้อมรับมติของพรรคก้าวไกลที่ต้องการทำหน้าที่ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ ทั้งนี้มีเวลา 30 วัน ในการตัดสินใจว่าจะไปอยู่พรรคการเมืองใด โดยเน้นย้ำว่าต้องเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์สอดคล้องกับอุดมการณ์ของตนเอง ไม่สามารถอยู่พรรคที่อยู่ข้ามขั้ว หรือพรรคที่มีอุดมการณ์ขัดแย้งกับอุดมการณ์ของตนเองได้ โดยนายปดิพัทธ์ สันติภาดา แถลงการณ์ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ว่า ตั้งแต่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อเปิดทางให้ที่ประชุมใหญ่พรรคก้าวไกลเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อทำให้พรรคก้าวไกลสามารถทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเงื่อนไขดังกล่าวทำให้ตนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่งได้ในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกลได้ แม้อีกทางเลือกหนึ่งคือ การลาออกจากการเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เพื่อกลับไปปฎิบัติหน้าที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง หลังจากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หากตนเลือกการลาออกจากการเป็นรองประธานฯ จะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนวาระที่ตนได้ให้คำสัญญาไว้กับประชาชนและให้คำมั่นสัญญาไว้กับสภาฯ เพราะฉะนั้นจึงตัดสินใจหลังจากที่พรรคก้าวไกลมีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จึงแสดงความจำนงว่าต้องการจะทำหน้าที่รองประธานฯ ต่อ ทำให้ไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลได้อีกต่อไป เหตุผลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจมีอยู่ 3 ส่วน 1) ต้องใช้วาระที่เหลือของสภาฯ นี้ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับการทำงานของสภาฯ ให้มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพสูง และเป็นสภาของประชาชนตามที่ได้แถลงเอาไว้ตั้งแต่ต้น สภาที่โปร่งใสหมายความว่าจะขับเคลื่อนให้สภาฯ ให้มีการจัดเก็บและเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานสากล ซึ่งรวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำงานของสภาฯ ในรูปแบบที่วิเคราะห์ต่อได้ เช่น สถานะร่างกฎหมาย ผลการลงมติ รายงานการประชุม ชวเลขการถาม - ตอบกระทู้สด งบประมาณสภาฯ การกำหนดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมคณะกรรมาธิการ การยกระดับระบบสืบค้นข้อมูลของเว็บไซต์สภาฯ สิ่งเหล่านี้จะต้องทำให้โปร่งใสให้ได้ และในปีหน้าเมื่อมีความพร้อมในเรื่องของการตรวจรับสภาฯ มากขึ้น จะยกระดับการพัฒนาระบบตรวจจับใบหน้าหรือ Face Detection เพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน รวมทั้งจะขับเคลื่อนการเป็นสภาประสิทธิภาพสูง โดยจะขับเคลื่อนให้สภานำเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการทำงานผ่านการออกนโยบาย Clound First Policy นำไปสู่การประหยัดต้นทุนด้านธุรการและความปลอดภัยในการเก็บเอกสาร รวมถึงขับเคลื่อนสภาฯ โดยคำนึงถึงความยั่งยืนทางการบริหารจัดการผ่านการส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานสะอาดในอาคารรัฐสภาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ใช้บริการในการใช้งานยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด จะขับเคลื่อนให้สภาฯ เป็นของประชาชน เป็นสภาฯ ยึดโยงกับประชาชนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองไทยในระบบรัฐสภาผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยเฉพาะเยาวชน การเปิดใช้พื้นที่รองรับกิจกรรมและแสดงออกทางการเมืองอย่างลานประชาชนที่จะเปิดใช้ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ รวมไปถึงสภาสัญจร เพื่อจะนำพากลไกของสภาฯ ไปใกล้ชิดกับประชาชนทุกพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง หรือคนที่อยู่ชายขอบซึ่งเป็นพลเมืองของประเทศไทย และจะเดินหน้าในการตรวจรับสภาฯ ให้ไม่มีการทุจริต มีการรับผิดชอบต่อความล่าช้า และจะทำให้ประชาชนรู้ว่างบประมาณจากภาษีของประชาชนนั้นเป็นประโยชน์ของใคร 2) ตนต้องการปฏิบัติหน้าที่รองประธานฯ อย่างเป็นกลางต่อทุกพรรคการเมืองในสภาฯ และต่อประชาชนทุกชุดความคิด ไม่ว่าจะสังกัดพรรคใดก็ตาม ดังนั้นการที่ต้องเปลี่ยนต้นสังกัดจะไม่ส่งผลกระทบต่อหน้าที่และแผนงานของตนในฐานะรองประธานฯ อย่างแน่นอน 3) ตนมั่นใจว่าพรรคก้าวไกล มีบุคลากรและมีความพร้อมในการจะดูแลความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลก เขต 1 แน่นอน และตนยังเป็นสส. ที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวพิษณุโลก และการตัดสินใจครั้งนี้ได้สอบถามพี่น้องประชาชนในเขตและทั่วประเทศอย่างคร่าว ๆ เรียบร้อยแล้ว มั่นใจว่าการทำหน้าที่ในการรองประธานฯ นั้นเป็นประโยชน์ต่อการดูแลทุกข์สุขของชาวพิษณุโลกเช่นเดิม เพราะฉะนั้นในการทำงานของตนในฐานะ สส. พิษณุโลกเขต 1 พรรคจะต้องตัดสินใจเอง และตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะมีบุคลากรที่สามารถทำงานในฐานะของ สส. พรรคก้าวไกลในเขต 1 ได้ และยังมี สส.พรรคก้าวไกลในพิษณุโลกอีกหนึ่งท่าน คือนายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ สส.เขต 5 พิษณุโลกและทีมงานที่อยู่กับทีมจังหวัดพิษณุโลกจะทำงานควบคู่ไปกับการทำงานของตนในการเป็นรองประธานฯ แบบที่เคยรับผิดชอบมาก่อนได้ แต่อยู่คนละหน้าที่กัน ดังนั้นตนขอน้อมรับมติของพรรคก้าวไกลที่ต้องการทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้สมบูรณ์แบบและตัดสินใจให้สมาชิกภาพของตนในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกลนั้นได้ยุติลง จากนี้เป็นต้นไปไม่ว่าจะไปสังกัดพรรคการเมืองใดจะผลักดันการทำงานของสภาอย่างเต็มที่ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ในฐานะรองประธานฯ ที่เป็นกลางต่อทุกพรรคและเป็นรองประธานฯ ของประชาชนทุกคน |
 |
 |
 |
 |
|
