 |
|
|
 |
|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
นายไชยา พรหมา ประธานคณะ กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ รับยื่นหนังสือจาก นายไทกร พลสุวรรณ แนวร่วมคณะไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย เรื่องขอให้ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ (งบกลาง) ในโครงการพัฒนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม (อาชีพดีพร้อม) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 12 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565 |
|
|
วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 เวลา 14.10 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายไชยา พรหมา ประธานคณะ กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ รับยื่นหนังสือจาก นายไทกร พลสุวรรณ แนวร่วมคณะไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย เรื่องขอให้ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ (งบกลาง) ในโครงการพัฒนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม (อาชีพดีพร้อม) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยโครงการดังกล่าวมีการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุสำหรับฝึกอบรมเพียงบริษัทเดียว และมีการแบ่งงบประมาณจัดซื้อไม่ให้เกินวงเงิน 500,000 บาทต่อโครงการ ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง จึงมีข้อสังเกตว่า การจัดซื้อเพียงบริษัทเดียวทั่วประเทศนั้น เป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทผู้ใกล้ชิดฝ่ายการเมือง แทนที่จะเป็นการจัดซื้อตามร้านค้าในแต่ละพื้นที่ และเป็นการส่อไปในทางเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องหรือไม่ ซึ่งปรากฏหลักฐานว่ามีการเบิกจ่ายค่าวิทยากรเกินความเป็นจริง และพบว่าโครงการนี้ใช้งบกลางไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ ซึ่งซ้ำซ้อนกับงบอบรมของกรมพัฒนาชุมชน นอกจากนี้ การฝึกอบรมอาชีพดังกล่าวยังไม่ตรงตามความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ เช่น มีการฝึกอบรมทำเหรียญโปรยทานในพื้นที่ภาคใต้เขตพี่น้องมุสลิม และปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า มีการเอื้อประโยชน์โดยให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลแอบอ้างว่าเป็นผู้จัดหางบประมาณมาลงพื้นที่ จึงขอให้คณะ กมธ. ติดตาม ตรวจสอบการใช้งบประมาณในโครงการดังกล่าวให้มีความโปร่งใสคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองบางพรรค นายไชยา พรหมา กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า เรื่องดังกล่าว คณะ กมธ.ให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากการใช้งบกลางต้องใช้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินและมีความจำเป็นเร่งด่วนภายในปีงบประมาณนั้น หากมีการใช้งบประมาณส่วนนี้ตามที่ผู้ร้องเรียนให้ข้อมูลก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ คณะ กมธ.จะรีบตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำดังกล่าวจริงจะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป |
 |
 |
 |
 |
|